ขอนแก่น ญาติตั้งศพนางช่อลัดดาถูกสามีสาดน้ำกรดใส่ เผาพรุ่งนี้ ญาติยังทำใจไม่ได้ (มีคลิป)   


13 พฤศจิกายน 61 13:28:52

ครอบครัวเศร้าศพ “ช่อลัดดา” ถึงบ้านเกิดแล้ว ครอบครัวระบุทุกคนร้องไห้จนไม่มีน้ำตา และขอทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ตายที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปสู่สุขคติ พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือ

 เมื่อเวลา 09.000 น. วันที่ 13 พ.ย.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 10 ม.9 บ.แสงอรุณ ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ช่อลัดดา  ทาระวัน อายุ 38 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์สามีใช้น้ำกรดสาดเข้าที่ใบหน้าจนเสียชีวิตเหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปอย่างโศกเศร้า ซึ่งทีศพของผู้ตายนั้นเดินทางมาถึงที่บ้านเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา โดยมีแม่,ลูกสาวและคนในครอบครัวนั้นเดินทางไปรับศพ โดยทันทีที่เดินทางมาถึงครอบครัวได้นำศพตั้งไว้ที่บริเวณชั้น 1 ของบ้าน เพื่อให้คนในครอบครัวได้ร่วมไว้อาลัย โดยมีเพื่อนบ้าน และญาติช่วยกันจัดเตรียมสถานที่และจัดการพิธีงานศพให้เป็นไปตามขั้นตอนในภาพรวมทั้งหมด

 ขณะที่เช้าวันนี้นางทองอาจ  ทาระวัน แม่ของ น.ส.ช่อลัดดา  ทาระวัน พร้อมด้วย น้องเต้ (ของสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ  12 ปี บุตรสาวของผู้ตาย ได้เดินทางไปที่ที่ว่าการอำเภอแวงใหญ่ เพื่อยื่นเรื่องมรณะบัตร รวมทั้งการย้ายที่อยู่ของน้องเต้ จาก กรุงเทพฯ มาที่ จ.ขอนแก่น เนื่องจากครอบครัวมีมติตรงกันในการย้ายน้องเต้ นั้นกลับมาเรียนที่บ้าน เพราะหากให้อยู่ที่กรุงเทพฯต่อไปต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียว

 นายภาณุพงศ์  พันธ์ชมพู อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199 ม.8 ต.ห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ หลานของผู้ตาย กล่าวว่า ได้เดินทางไปหาผู้ตายทันทีที่ทราบข่าวการเสียชีวิต เพราะทุกคนนั้นห่วงทั้งคนตายและลูกสาว ที่ต้องอยู่ลำพังคนเดียว ซึ่งขณะนี้ทุกอย่างนั้นเป็นไปตามขั้นตอนและศพของน้าสาวนั้นได้เดินทางกลับมาที่บ้านเกิดแล้ว จากนี้ไปครอบครัวจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณี โดยกำหนดพิธีฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) เพราะผู้ตายนั้นเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นการประกอบพิธีฌาปนกิจศพแล้วครอบครัวจะเดินทางกลับ กรุงเทพฯ เพื่อเก็บข้าวของของผู้ตายและน้องเต้ ทั้งหมด รวมทั้งการเคลียร์เรื่องเอกสารต่างๆทั้งหมด

“ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือคนในพื้นที่ห่างไกลของครอบครัวผม วันนี้ครอบครัวขาดเสาหลักไปแล้วทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไปและสู้ต่อไป แม้วันนี้ทุกคนโดยเฉพาะแม่และลูกสาวของผู้ตายจะมีจิตใจที่เข้มแข็งและมีกำลังใจขึ้นบ้าง แต่ก็ยังคงเศร้าและรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้ว จากนี้ไปขอทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดเพื่อให้ผู้ตายไปสู่สุขคติ ทั้งนี้โดยส่วนตัวพึ่งจะพบกับผู้ตายเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ผู้ตายและสามีผู้ตายเดินทางกลับมาร่วมงานศพญาติที่ขอนแก่น แต่มาวันนี้กลับเป็นผมเองที่ต้องไปรับศพน้าสาว แต่ที่เสียใจที่สุดคือแม่ของน้าช่อ หรือยายของผม ที่พึ่งกลับมาจากพบกับน้าช่อได้เพียง 3 วัน ก็ต้องกลับไปรับศพน้าช่อกลับบ้าน”

ขณะที่นายปรีชา ทาระวัน ลุงของผู้ตาย อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171 ม.10 ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ครอบครัวขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่แสดงความปรารถนาดีเข้ามาให้การช่วยเหลือครอบครัว ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในระดับประทศและระดับจังหวัดที่ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้มาติดต่อและส่งคณะทำงานลงพื้นที่มาประสานงานในการทำงานด้านต่างๆ ทำให้ชุมชนทราบว่าเราไม่ได้ถูกทอดทิ้งแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางคดีก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องการรักษาพยาบาลนั้นคงต้องมอบหมายให้ทีมกฎหมายนั้นดำเนินการ ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา ( 12 พ.ย.) ได้เข้าร้องเรียนในเรื่องที่เกิดขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้รับกำลังใจจากผู้ใหญ่ที่จะรับเรื่องของผู้ตายไว้พิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป

“ผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เรียนจบ เพื่อส่งเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว วันนี้เราขาดเสาหลักของครอบครัวไป ด้วยการกระทำของสามีใหม่ เราทุกคนก็ต้องช่วยกัน ลูกสาวของผู้ตาย หรือหลานสาวคนเล็ก ครอบครัวตัดสินใจให้กลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้ว อยู่กันตามสภาพช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างเต็มความสามารถเราเรียกร้องได้ก็เฉพาะในสิ่งที่ชาวบ้านทำได้”







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS