เตรียมคุมตัวอดีตผู้การตร.โกงเงินลูกน้อง229ล้านบาทฟ้องศาลขอนแก่น   


20 สิงหาคม 61 22:13:42


พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4

 

ความคืบหน้ากรณีอดีต ผบก.ภ.จว.เลย โกงเงินลูกน้องในสังกัด 192 นาย รวมมูลค่า 229 ล้านบาทของโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารจัดการหนี้สหกรณ์ ภ.จว.เลย ล่าสุด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 สั่งรวมคดีทั้งจังหวัดเลย ขอนแก่น และหนองบัวลำภูเป็นคดีเดียวกัน เตรียมคุมตัวอดีต ผบก.เลย พร้อมพวก ฟ้องศาลจ.ขอนแก่นภายในสิ้นเดือนนี้

 
20 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในฐานะ หัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนการทุจริตโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารจัดการหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย  ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า กรณี พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย โกงเงินข้าราชการตำรวจในจังหวัดเลย จำนวน 192 นาย เป็นเงิน 229 ล้านบาทของโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารจัดการหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย กระทั่งข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเข้าร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อให้ช่วยเหลือโดยด่วน และมีการตั้งคณะทำงานทั้งชุดสืบสวนและชุดสอบสวน จนทราบข้อเท็จจริงว่า พล.ต.ต.สุทิพย์  โกงเอาเงินของข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมโครงการฯไปจริง จึงได้รวบรวมหลักฐาน พยานต่างๆ ทำหนังสือรายงานไปยัง ผบ.ตร.ให้เอาผิดทางวินัย รวมทั้งดำเนินการเอาผิดทางคดีอาญา และเรียกตัว พล.ต.ต.สุทิพย์ มารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4  ซึ่งทางพล.ต.ต.สุทิพย์ ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งใช้ตำแหน่งประกันตัวออกไป

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คณะพนักงานสอบสวนมีการสอบสวนเกี่ยวกับคดีฉ้อโกง โครงการรวมหนี้และโครงการบริหารจัดการหนี้ของสหกรณ์ ภ.จว.เลย นับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่รับเรื่องร้องเรียน มาจนถึงปัจจุบัน ผู้บังคับบัญชาและชุดพนักงานสอบสวน มีการดำเนินการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ 192 นายที่เป็นผู้เสียหาย รวมถึงผู้ที่ร่วมดำเนินการในช่วงที่ทำโครงการรวมหนี้ฯด้วย ซึ่งพบว่าผู้ที่ร่วมดำเนินการในช่วงที่ทำโครงการรวมหนี้ฯนั้นมี 2 คน ขณะนี้ก็ถูกเรียกตัวเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาเดียวกับ พล.ต.ต.สุทิพย์  คือข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงอันเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ซึ่งปัจจุบันบุคคลทั้งสองก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสหกรณ์ ภ.จว.เลยแล้ว

พล.ต.ต..ธนาศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า การทำงานของตำรวจภูธรภาค4 ในคดีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ นั้น ตำรวจไม่ได้ทำงานฝ่ายเดียว แต่ยังประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.และฝ่ายกฎหมายคือพนักงานอัยการเข้ามาช่วยดูแลในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน  โดยเฉพาะ พล.ต.ต.สุทิพย์ นั้นนอกจากจะถูกดำเนินคดีที่โกงตำรวจ 192 นาย ที่ จ.เลยแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับคดีแชร์ลูกโซ่ในพื้นที่ จังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดขอนแก่นด้วย  ซึ่งคดีแชร์ลูกโซ่ในพื้นที่ 2 จังหวัดนั้นมีผู้เสียหายจำนวนมาก ผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมดำเนินการอีก 10 กว่าราย ซึ่งแต่ละรายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐาน พยานไว้แล้วเช่นกัน หากแต่ละคนไม่สามารถชี้แจงที่ไปที่มาของเงินได้ก็จะถูกแจ้งข้อหา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน ซึ่งแต่ละคน อาจจะถูกดำเนินคดีต่างข้อหากันไป

นอกจากนี้คณะทำงาน มีการสืบสวนขยายผลไปยังที่ไปของเงินที่ออกจากสหกรณ์เส้นทางการเงิน ปรากฏว่าไปเชื่อมโยงกับบุคคล 4 ถึง 5 คน โดยใน 4-5 คนนี้อยู่ในจังหวัดขอนแก่นและหนองบัวลำภู ซึ่งตำรวจได้มีการเรียกสอบปากคำไปแล้วและได้อายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย นอกจากนี้จากการสอบปากคำยังพบข้อมูลเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงตัวการใหญ่ ที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความฉ้อโกงประชาชน ในหลายพื้นที่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลตัวตนของตัวการใหญ่รายดังกล่าวได้ และขอยืนยันว่า ผู้บังคับบัญชาของตำรวจภูธรภาค4 รวมทั้งคณะทำงาน ไม่ได้มีการช่วยเหลือผู้ต้องหา เป็นคดีแล้วก็ทำการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งทางด้านเอกสารและพยานบุคคล เพราะการทำคดีของ พล.ต.ต.สุทิพย์ นั้น ตั้งใจไว้แล้วว่า ต้องได้เงินมาคืนให้ข้าราชการตำรวจที่ถูกโกงเงินไปให้ได้มากที่สุด เพราะทั้ง 192 คนนั้น เดือดร้อนกันทุกคนทุกครอบครัว โดยจะสามารถสรุปสำนวนส่งอัยการ และส่งฟ้องศาลจังหวัดขอนแก่นพร้อมตัวผู้ต้องหาภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้แน่นอน







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS