ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ นายบอย หนุ่มวัย 18 ปี ชาว อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนเพื่อต้องการให้หนุ่มทั่วประเทศได้ทราบพฤติกรรมของ น.ส.ออย อายุ 16 ปี ชาว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่หลอกให้แต่งงานอยู่กินด้วยกันไม่ถึงเดือนแล้วหนีหายไป โดยไม่ยอมคืนเงินสินสอดจำนวน 40,000 บาท ทองคำหนัก 1 บาท และเมื่อไปทวงถามได้เงินคืนมาเพียง 1,000 บาท ทองคำหนัก 1 บาท โดย น.ส.ออยแจ้งว่าเงินค่าสินสอดใช้จ่ายไปหมดแล้ว และมีข่าวว่ามีชายหนุ่มอีกหลายคนตกเป็นเหยื่อ ขณะที่ล่าสุด น.ส.ออย พร้อมพ่อแม่ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ เพื่อให้ดำเนินคดีต่อผู้ที่ดูหมิ่นโพสต์ข้อความโจมตีในสื่อโซเชียล และเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ 

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 9/1 หมู่ 7 บ้านหนองม่วง ต.ผักแพว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากทราบข่าวว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของ นายลอ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี และเป็นผู้ที่เคยถูก น.ส.ออยหลอกให้แต่งงานด้วยเพื่อเอาเงินสินสอด แต่ปรากฏนายลอไม่อยู่บ้านไปทำงานขับรถบรรทุกส่งดินอยู่ต่างอำเภอ พบเพียง นางทอง (นามสมมติ) อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายลอ อยู่บ้านกับญาติพี่น้อง

 

นางทองได้เล่าว่า น.ส.ออยได้มาอยู่กินกับลูกชายของตนที่บ้านหลังนี้นานประมาณ 1 ปี จากนั้นพ่อแม่ของ น.ส.ออยได้มาแจ้งให้ตนไปสู่ขอ น.ส.ออยให้แต่งงานกับนายลอ ลูกชายของตน โดยพ่อแม่ของ น.ส.ออยมาหาตนประมาณ 4-5 ครั้ง และแจ้งว่าหากไม่มีเงินแต่งให้ไปหาเงินมาแต่งให้ด้วยเนื่องจากว่าขณะนั้น น.ส.ออยอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ตนเกรงว่าลูกชายจะมีปัญหาจึงได้ไปกู้เงินมาจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งมาจำนวน 120,000 บาทเพื่อนำเอามาเป็นค่าสินสอดทองหมั้นและค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงาน

นางทองเล่าต่อว่า พ่อแม่ของ น.ส.ออยได้เรียกเงินค่าสินสอดจำนวน 1 แสนบาท ทองคำหนัก 2 บาท แต่ตนบอกว่าไม่มีเงิน พ่อแม่ของ น.ส.ออยจึงยอมลดลงมาเหลือเงินค่าสินสอดจำนวน 80,000 บาท ทองคำหนัก 1 บาท โดยตนและสามีพร้อมด้วยญาติพี่น้องเป็นคนจัดพิธีแต่งงานทั้งหมด หมดเงินค่าใช้จ่ายไปกว่า 40,000 บาท ทำให้เงินที่กู้ยืมมาจำนวน 120,000 บาทใช้จ่ายไปหมดสิ้น

 

 

 

 

 

 

เมื่อแต่งงานแล้วนายลอได้ไปอยู่ที่บ้านของ น.ส.ออย ที่บ้านโนนสมบูรณ์ ต.จาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ไปอยู่กินกันได้ไม่ถึงเดือนพ่อแม่ของ น.ส.ออยให้ น.ส.ออยไปเรียนหนังสือที่ศูนย์การศึกษาแห่งหนึ่ง โดย น.ส.ออยไปเรียนหนังสือทุกวัน และต่อมาปรากฏว่า น.ส.ออยไปเรียนหนังสือแล้วไม่ยอมกลับ นายลอโทรศัพท์ตามหาบอกให้ไปเอารถ จักรยานยนต์ที่ร้านซ่อมโทรศัพท์แห่งหนึ่ง โดย น.ส.ออยหายไปเลย ทำให้นายลอลูกชายของตนออกตามหาแต่ว่าไม่พบ ดังนั้นนายลอลูกชายของตนจึงกลับมาอยู่บ้าน

 

นางทองเล่าอีกว่า หลังจากนายลอกลับมาอยู่บ้านที่บ้านหนองม่วงแห่งนี้แล้ว ญาติพี่น้องหารือกันว่าจะพากันไปขอเงินค่าสินสอดคืน แต่นายลอบอกว่าไม่ต้องไปขอเงินคืนจะหาเงินไปใช้หนี้เอง ซึ่งตนต้องทำงานหาเงินส่งใช้หนี้จำนวน 120,000 บาทที่กู้มาเป็นค่าสินสอดให้ น.ส.ออย ปีละ 22,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำนวน 10 ปี และปีนี้จะต้องส่งใช้หนี้เงินกู้เป็นปีแรก ซึ่งตนยังไม่รู้ว่าจะหาเงินมาจากที่ใดไปใช้หนี้ปีนี้ เพราะตนอายุมากแล้วไม่มีอาชีพอื่นใดนอกจากการทำนาเท่านั้น หากว่าข้าวเปลือกไม่มีราคาคงไม่มีเงินไปใช้หนี้ นานไปที่นาที่เอาไปค้ำประกันเงินกู้จะต้องถูกยึดไป

 

“การที่โดน น.ส.ออยทำกับลูกชายของฉันและครอบครัวแบบนี้เหมือนกับว่าถูกหลอกอย่างจัง ฝากไปถึง น.ส.ออยกับพ่อแม่ว่าพฤติกรรมแบบนี้เลิกได้แล้ว บาปกรรมมีจริง ไม่ควรทำแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นๆ อีกต่อไป การหลอกลวงเอาเงินค่าสินสอดเขาเป็นบาปกรรมมาก” นางทองกล่าวในตอนท้าย

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก mgronline https://mgronline.com/local/detail/9610000028269