ผู้ว่าฯขอนแก่น สั่ง สสจ.ตรวจสอบข้อมูล อสม. หลังพบรายชื่อของการปลอมเอกสาร เงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้   


15 กุมภาพันธ์ 61 20:28:05

กรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือท ป.ป.ท. เขต 4 ขอนแก่น ตรวจข้อเท็จจริง เรื่อง ที่ว่า น.ส.ปณิดา ยศปัญญา  นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ สาขา พัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ร้องเรียนต่อเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาตติ (คสช.) ว่าขณะฝึกงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่นระหว่างเดือน ส.ค. - พ.ย. 2560 ถูกเจ้าหน้าที่ให้กรอกเอกสารและปลอมลายมือชื่อของประชาชนที่รับเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ติดเชื้อเอดส์กลุ่มส่งเสริมอาชีพเป็นเงินมูลค่า 6.9 ล้านบาท กระทั่ง พล.ต.อนันต์พร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 3  ราย และสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมสั่งการให้ขยายผลสอบไปยังศูนย์ฯ ในสังกัด พม.ทั้ง 154 ศูนย์ ทั่วประเทศ ตามข่าวที่เสนอมาโดยตลอด
 
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 ก.พ.2561 ที่ บช.ภ.4  นายสมศักดิ์  จังตระกูล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยกับสื่อมวลชน  ว่า ทางจังหวัดได้มีคำสั่งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น สสจ. เข้าทำการตรวจสอบข้อมูล โดยเฉพาะ อสม. ที่ปรากฏตามรายชื่อ ตามข้อมูลที่ ปปท.ได้มีการสรุปสำนวนในชั้นต้นของการตรวจสอบพบขบวนการปลอมแปลงเอกสารเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงขอมนุษย์ หรือ พม.  หลังจากที่นักศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้เข้าร้องเรียน ต่อเลขาธิการ คสช. จากกรณีที่ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวม 6 คน ได้สั่งให้นักศึกษาที่มาทำการฝึกงานในขณะนั้นได้ทำการปลอมแปลงลายมือชื่อและเอกสารการรับเงิน เงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้
   
โดยในเอกสารหลักฐานตามแนวทางการสอบสวนนั้นพบมีบัญชีรายชื่อ อสม.และผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวทั้งหมด รวมกว่า 2,000 ราย วงเงินรวมกว่า 6,900,000 บาท ซึ่งในการตรวจสอบดังกล่าวนี้ สสจ.จะนำรายชื่อผู้ที่ได้รับเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ตามที่ พม.กำหนด รวมทั้ง อสม.ที่รับผิดชอบในขั้นตอนของการดำเนินการ มาทำการตรวจสอบเป็นรายบุคคล เพื่อสนับสนุนการทำงานของ ปปท. โดยจะต้องรู้ผลภายใน 7 วัน
 


  
“การตรวจสอบดังกล่าวนี้ เป็นการยืนยันตัวบุคคล และเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง ขณะนี้ ปปท.มีการสอบสวนที่มีความคืบหน้าไปมากและมีการรายงานให้กับจังหวัดได้รับทราบถึงความคืบหน้าอยู่เป็นระยะ เพราะรัฐบาลย้ำชัดและชัดเจนมาอย่างต่อเนื่องในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นและเรื่องนี้เป็นการทำงานแบบขบวนการ มีผู้เสียหายจำนวนมาก และ ปปท.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีมูลความผิด ซึ่งในรายละเอียดการตรวจสอบของ สสจ.นั้นยังคงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้มาก โดย 7 วันต่อจากนี้ผลการสอบสวนเป็นอย่างไร จึงจะนำมาสรุปให้กับสื่อมวลชนได้รับทราบอีกครั้ง    
 
อย่างไรก็ดี ขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวนของ ปปท. ที่ต้องมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาสอบสวน โดยเฉพาะรายชื่อผู้รับเงิน ตามโครงการฯ รวมกว่า 2,000 ราย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่เอ่ยถึงที่มีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีการพิจารณาใช้ห้องประชุมใหญ่ของศาลากลางจังหวัดเป็นสถานที่ของการสอบสวนดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานนั้นแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด และมีความคืบหน้าในผลการดำเนินงานเพื่อที่จะรายงานให้ เลขาธิการ คสช.,รัฐบาล,พม. รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่องทุกวัน”
 
ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ กระทรวง พม.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลมารักษาราชการแทนผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่นแล้ว ซึ่งถือเป็นขั้นตอนและแนวทางการสอบสวน ที่เมื่อเกิดเหตุแล้วจะต้องย้ายบุคคลที่ถูกกล่าวหาไปและนำบุคคลใหม่มาปฎิบัติหน้าที่แทน เพื่อให้การสอบสวนจากหน่วยงานกลาง ซึ่งคดีนี้คือ ปปท.เข้ามาตรวจสอบทั้งหมด อีกทั้งทางจังหวัดยังคงการมอบหมายให้นายสุชัย   บุตรสาระ รอง ผวจ.ขอนแก่น ที่รับผิดชอบ หน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ลงพื้นที่ตรวจสอบศูนย์ฯอีกครั้งเพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการมอบหมายให้นายสันติ  เหล่าบุญเสงี่ยม รอง ผวจ.ขอนแก่น ฝ่ายความมั่นคง ทำหน้าที่ในเรื่องข้อกฎหมาย และสนับสนุนการทำงานร่วมกับ ปปท. ในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด เพราะยอมไม่ได้ที่จะให้เกิดการกระทำผิดเช่นนี้ในพื้นที่ความรับผิดชอบของตนเอง คดีนี้ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ที่สุด             
 
ด้าน พล.ต.กาจบดินทร์ ยิ่งดอน ผู้อำนวยการสำนักปฎิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดที่ 9 สำนักงานปฎิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพ  หรือ กอ.รมน. จ.ขอนแก่น  กล่าวว่า  ปปท.เขต 4 ขอนแก่น ได้ร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยและการคุ้มครองพยานในคดีนี้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหาร 1 นาย หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันรักษาความปลอดภัย และคุ้มครองพยานรายสำคัญรายนี้ ซึ่งขณะนี้ นศ.รายดังกล่าว ต้องลงพื้นที่เก็บข้อมูลวิจัย ที่จะต้องเดินทางไป-มา ขอนแก่น –มหาสารคาม ทุกวัน เนื่องจากศึกษาในระดับชั้นปีสุดท้ายและกำลังจะสำเร็จการศึกษา โดยนักศึกษารายดังกล่าวนี้ได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้นนอกจาก กอ.รมน.จะดำเนินการอย่างเข้มงวดแล้วนั้นยังคงมีการประสานงานร่วมกับ ตำรวจ ในการคุ้มครองพยานในคดีสำคัญนี้อย่างเต็มที่ด้วย
 







เว็บโฮสติ้ง

เว็บโฮสติ้ง   Cloud Web Hosting   Streaming Server   VPS